นกแห่งความปรารถนา
เรื่องราวของเอลิซา เด็กสาวผู้ตามหานกแห่งความปรารถนาเพื่อนำความสุขมาให้ครอบครัว แต่กลับต้องจ่ายราคาที่สูงเกินกว่าที่เธอคาดคิด

- TAI
- อ่าน 4 นาที

เรื่อง: นกแห่งความปรารถนา
นานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาที่หนาวเย็นและปกคลุมไปด้วยหิมะ มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยความยากลำบาก ผู้เป็นพ่อชื่อ “วิลเฮล์ม” และผู้เป็นแม่ชื่อ “เฮลกา” ทั้งสองมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อว่า “เอลิซา” ซึ่งเป็นเด็กสาวที่สวยงามและมีจิตใจงดงาม แม้ว่าเธอจะเติบโตมาท่ามกลางความยากจน แต่เอลิซาก็มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เธอมี
ในหมู่บ้านนี้ มีเรื่องเล่าขานกันมานานเกี่ยวกับ “นกแห่งความปรารถนา” ซึ่งเป็นนกวิเศษที่สามารถบันดาลให้ทุกความปรารถนาเป็นจริงได้ แต่ไม่มีใครเคยเห็นนกตัวนี้ด้วยตาของตนเอง ผู้คนต่างเชื่อว่านกแห่งความปรารถนานั้นอาศัยอยู่ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอันตรายและมนต์ดำ และว่ากันว่าผู้ใดที่พบนกตัวนี้จะต้องจ่ายราคาที่สูงมากเพื่อให้ได้สมปรารถนา
วันหนึ่ง ขณะที่ครอบครัวของเอลิซากำลังต่อสู้กับความหนาวเหน็บและความอดอยาก เอลิซาได้ยินเสียงกระซิบจากสายลม มันบอกว่า “ในป่าลึก มีนกแห่งความปรารถนาที่สามารถบันดาลให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเป็นจริงได้ เพียงแค่เจ้าต้องกล้าที่จะตามหามัน”
เอลิซาเริ่มคิดถึงสิ่งที่เธอสามารถขอได้หากพบนกวิเศษตัวนั้น เธอคิดถึงความร่ำรวย อาหารอุดมสมบูรณ์ และความสุขที่ครอบครัวของเธอจะได้รับเมื่อเธอได้พบนกแห่งความปรารถนา ในคืนที่หนาวเย็นคืนนั้น เอลิซาตัดสินใจที่จะออกเดินทางตามหานกแห่งความปรารถนา เธอทิ้งจดหมายสั้นๆ ไว้ให้พ่อแม่ว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับโชคลาภ
เอลิซาเริ่มออกเดินทางในเช้าวันที่อากาศหนาวเหน็บ ลมหนาวพัดผ่านต้นไม้ในป่า ทำให้ใบไม้สั่นไหวราวกับมีชีวิต เธอสวมเสื้อคลุมหนาที่แม่เย็บให้และถือถุงเล็กๆ ที่ใส่อาหารและน้ำมาด้วย ป่าที่เธอเดินเข้าไปนั้นมืดและเงียบสงัด มีเพียงเสียงใบไม้ที่กระทบกันและเสียงฝีเท้าของเธอที่ก้าวย่ำบนหิมะ
ขณะที่เอลิซาเดินลึกเข้าไปในป่า บรรยากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้ที่เคยสูงใหญ่กลับกลายเป็นเงามืดที่กดดัน พุ่มไม้ที่เคยดูสงบสุขตอนนี้เหมือนซ่อนสิ่งมีชีวิตที่รอคอยที่จะกระโจนออกมา เมื่อเธอผ่านลำธารเล็กๆ เธอได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงกระซิบแผ่วๆ ที่ลอยมาตามสายลม
“กลับไปเสียเถอะ… ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า…”

เสียงกระซิบนั้นเหมือนเสียงของวิญญาณที่หลงทางในป่า เอลิซารู้สึกได้ถึงความกลัวที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในใจ แต่เธอก็ยังคงเดินต่อไป ความปรารถนาที่จะช่วยครอบครัวทำให้เธอก้าวไปข้างหน้าทั้งๆ ที่ใจเริ่มสั่นคลอน
ในขณะที่เอลิซาเดินลึกเข้าไป เธอเริ่มเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขนลุกปรากฏขึ้นมาในเงามืด ดวงตาเรืองแสงสีแดงของพวกมันจ้องมองมาที่เธอจากพุ่มไม้ บางตัวมีลักษณะเหมือนสัตว์ป่า แต่มีฟันแหลมคมและเล็บที่ยาวมากเกินกว่าที่สัตว์ธรรมดาควรจะมี บางตัวดูเหมือนเงาดำที่ไม่มีรูปร่างแน่ชัด พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันและค่อยๆ เข้ามาใกล้เอลิซา
เธอเริ่มวิ่ง พยายามหนีจากสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่ยิ่งวิ่ง เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงทาง ป่ากลับกลายเป็นวงกตที่ไร้ทางออก ทุกทางที่เธอเลือกเดินดูเหมือนจะพาเธอกลับไปที่เดิม ขณะที่เอลิซาหยุดหอบหายใจ เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นเยียบที่ไล่ตามหลังเธอมา เธอหันกลับไปมองและพบว่ามีเงาดำสูงใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่าปีศาจในป่ากำลังจ้องมองเธอ
“เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เงาดำนั้นถามด้วยเสียงที่ทุ้มลึกและเยือกเย็น
เอลิซารู้สึกถึงความกลัวที่พุ่งขึ้นมาในอก แต่เธอก็พยายามรวบรวมความกล้าและตอบว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อตามหานกแห่งความปรารถนา ข้าต้องการช่วยครอบครัวของข้าให้หลุดพ้นจากความยากจน”
เงาดำนั้นหัวเราะเยาะ “นกแห่งความปรารถนา? เจ้าคิดหรือว่ามันจะบันดาลให้เจ้าสมหวังโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย? ทุกอย่างในโลกนี้มีราคา และบางครั้งราคานั้นก็สูงเกินกว่าที่เจ้าจะจ่ายได้”
เอลิซากลืนน้ำลายและรู้สึกถึงความกลัวที่ค่อยๆ กลายเป็นความสงสัย เธอเริ่มสงสัยว่าการเดินทางครั้งนี้อาจนำพาเธอไปสู่สิ่งที่น่ากลัวกว่าที่เธอคาดคิดไว้ แต่เมื่อคิดถึงพ่อแม่และความลำบากที่พวกเขาเผชิญ เธอก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการเดินต่อไปได้
เธอข้ามผ่านเงาดำนั้นโดยไม่หันหลังกลับ แต่แล้วเธอก็เจอกับสะพานไม้ที่ทอดข้ามไปยังอีกฟากของหุบเหว สะพานนั้นดูเก่าคร่ำคร่าและไม่มั่นคง แต่บนอีกฟากของสะพาน เธอเห็นแสงสว่างวาบขึ้นมา มันเป็นแสงที่อบอุ่นและสวยงาม มันเป็นสัญญาณบอกว่าเธอกำลังเข้าใกล้จุดหมาย
เอลิซาก้าวเท้าไปบนสะพานอย่างระมัดระวัง แต่สะพานนั้นสั่นไหวอย่างน่ากลัว ขณะที่เธอข้ามไปครึ่งทาง ลมแรงก็พัดขึ้นมาจากหุบเหวด้านล่าง สะพานเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เอลิซาต้องจับเชือกข้างสะพานอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ตกลงไป
ในขณะที่เธอกำลังพยายามข้ามสะพาน เงาดำสูงใหญ่จากป่าที่เธอทิ้งไว้ข้างหลังกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและตามมาทันเธอบนสะพาน มันจับเชือกของสะพานและเริ่มเขย่ามันเพื่อทำให้เอลิซาตกลงไปในหุบเหว
“เจ้าคิดว่าตัวเองจะหนีจากความมืดของป่านี้ได้หรือ? เจ้าคิดผิดแล้ว!” เงาดำตะโกนเสียงดัง

เอลิซารู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่ท่วมท้นเข้ามา แต่ขณะเดียวกันเธอก็นึกถึงเสียงกระซิบของสายลมที่บอกให้เธอมาตามหานกแห่งความปรารถนา เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถยอมแพ้ได้ เธอจึงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายและตะโกนเสียงดัง
“ข้าจะไม่ยอมแพ้! ข้าจะช่วยครอบครัวของข้าให้ได้!”
เสียงของเธอดังก้องไปทั่วหุบเหว และทันใดนั้น แสงสว่างจากฟากสะพานก็วาบขึ้นมาอีกครั้ง เงาดำนั้นหยุดการเคลื่อนไหว และในขณะที่เอลิซามองไปที่แสงนั้น เธอก็เห็นนกแห่งความปรารถนาปรากฏตัวขึ้น มันมีขนสีน้ำเงินเข้มที่เปล่งประกาย และบินวนรอบเงาดำอย่างรวดเร็ว
เงาดำเริ่มสลายตัวลง มันพยายามดิ้นรนหนีจากนกแห่งความปรารถนา แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุด เงาดำก็หายไปในอากาศเหมือนไม่เคยมีอยู่
เอลิซารู้สึกถึงความโล่งอกที่ท่วมท้นเข้ามาในหัวใจ เธอรีบข้ามสะพานและไปถึงฟากฝั่งอย่างปลอดภัย นกแห่งความปรารถนาบินมาใกล้ๆ และจ้องมองเอลิซาด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ในที่สุด เอลิซาก็พบกับนกแห่งความปรารถนา มันมีขนสีน้ำเงินเข้มและดวงตาที่เปล่งประกายอย่างลึกลับ นกตัวนี้ยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ที่สูงเหนือศีรษะของเธอ และมองลงมาที่เธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะรู้ทุกสิ่ง

“เจ้ามีความปรารถนาอะไร?” นกแห่งความปรารถนาถามด้วยเสียงที่ก้องกังวานและเยือกเย็น
เอลิซาตอบว่า “ข้าต้องการให้ครอบครัวของข้ามีความสุข ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากความยากจนอีกต่อไป”
นกแห่งความปรารถนามองเอลิซาอย่างพินิจพิจารณา แล้วกล่าวว่า “ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริง แต่เจ้าต้องมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้แก่ข้า”
เอลิซาสงสัยว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เธอต้องมอบให้ แต่เธอตัดสินใจตอบตกลงโดยไม่คิดให้รอบคอบ นกแห่งความปรารถนาโบยบินขึ้นฟ้าและหายไปในความมืด ทันใดนั้น พายุหิมะก็โหมกระหน่ำและลมหนาวพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง เอลิซารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูก และหัวใจของเธอเริ่มรู้สึกอ่อนแอลงเรื่อยๆ
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านในที่สุด เอลิซาพบว่าครอบครัวของเธอได้กลายเป็นคนร่ำรวย พวกเขามีอาหารและความอบอุ่นที่เธอเคยฝันถึง แต่เอลิซารู้สึกว่ามีบางสิ่งหายไป หัวใจของเธอรู้สึกว่างเปล่าและไร้ความรู้สึก ความสุขที่เธอเคยมีร่วมกับครอบครัวกลับไม่เหมือนเดิม เธอเริ่มตระหนักได้ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดที่เธอได้มอบให้กับนกแห่งความปรารถนาคือ “หัวใจของเธอเอง”
แม้ว่าเธอจะได้สิ่งที่ปรารถนา แต่เอลิซาก็ไม่สามารถสัมผัสกับความสุขได้อีกต่อไป เธอใช้ชีวิตอยู่ในความมั่งคั่งที่เย็นชา ห่างเหินจากความรักและความอบอุ่นที่เธอเคยมี และทุกครั้งที่เธอเดินผ่านกระจก เธอจะเห็นเงาสะท้อนของตนเองที่ไร้ชีวิตชีวา ดวงตาที่เคยสดใสกลับมืดมนและว่างเปล่า
นี่คือเรื่องราวของเอลิซา เด็กสาวที่ต้องแลกความสุขของครอบครัวด้วยหัวใจของตนเอง นิทานนี้สอนให้เราระวังในสิ่งที่เราปรารถนา เพราะบางครั้งการได้สิ่งที่เราต้องการอาจจะต้องแลกมาด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดโดยไม่รู้ตัว
- แท็ก:
- นิทาน
- ผจญภัย
- แฟนตาซี
- ความปรารถนา